จำเป็นไหมต้องซื้อ พ.ร.บ. กับประกันรถยนต์ บริษัทเดียวกัน
โดยประกันภัยรถยนต์นั้น จะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ ประกันภัยภาคบังคับ และประกันภัยภาคสมัครใจ
ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือ ที่เราเรียกกันสั้นๆว่า "พ.ร.บ." มาจากคำว่า "พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ" ซึ่งถูกตราเป็นกฎหมายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 แต่ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลง และแก้ไขรายละเอียดมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน โดยหลักคือ พระราชบัญญัติฉบับนี้จะให้ความคุ้มครองแก่ผู้ประสบภัยที่ได้รับความเสียหายอันมีสาเหตุมาจากรถยนต์ เช่น คนเดินถนน หรือคนที่ใช้รถ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารภายในรถ ก็จะได้รับความคุ้มครองทั้งหมด แม้จะทราบ หรือไม่ทราบผู้ก่อเหตุเป็นใคร ผู้เสียหายก็ยังจะได้รับความคุ้มครอง >>พ.ร.บ. คุ้มครองอะไรบ้าง ?<<
พ.ร.บ. จึงมีความสำคัญ และมีประโยชน์มาก เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายเรื่องการรักษาพยาบาลให้แก่ผู้ประสบเหตุทางรถยนต์ โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้ไม่มากนัก อย่างน้อยก็อุ่นใจว่าจะได้รับการดูแลรักษาเบื้องต้น จึงมีการบังคับโดยกฎหมาย ให้ยานพานะทางบกทุกคันบนท้องถนนจะต้องมี พ.ร.บ. ทุกคัน มิฉะนั้นจะต้องถูกจับปรับเป็นหมื่น
การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ หมายความถึง การเอาประกันภัยที่เกิดขึ้นโดยความสมัครใจของเจ้าของรถยนต์ ผู้ครอบครองรถยนต์ หรือผู้ขับขี่รถยนต์ โดยไม่ได้เกิดจากการถูกบังคับโดยกฎหมายแต่อย่างใด หลัก ๆ เพื่อเป็นการคุ้มครองที่เพิ่มเติมจาก พ.ร.บ. และ ให้ความคุ้มครองในส่วนของทรัพย์สิน
สำหรับการซื้อ พ.ร.บ. กับ ประกันภัยภาคสมัครใจแยกคนละบริษัทกัน กล่าวคือซื้อประกัน พ.ร.บ. บริษัทหนึ่ง และไปซื้อประกันประเภทสมัครใจ (ประเภท 1 ประเภท 2 ประเภท 5 (2+, 3+) หรือ ประเภท 3) หากแยกซื้อกันคนละบริษัท อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ ดังนี้
- การโทรแจ้งเหตุ
ขณะเกิด อุบัติเหตุ หากเราซื้อ พ.ร.บ. และประกันภาคสมัครใจ ไว้คนละบริษัทฯ กัน เราจะต้องโทรแจ้งทั้ง 2 บริษัทฯ ซึ่งอาจเกิดความยุ่งยาก และล่าช้าได้ - การยื่นเอกสารเบิกเคลม
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการบริการที่ต่างกัน จึงทำให้การยื่นเอกสารต่างๆ ตลอดจนการได้รับค่าชดเชยล่าช้า เนื่องจากขั้นตอนการดำเนินการของบริษัทฯ ที่แตกตั้งนั้นเอง - การประสานงานระหว่างบริษัท ฯ
ความล่าช้าอาจเกิดจากการประสานงานกันระหว่าง บริษัทฯ อาจส่งผลให้ได้รับเงินชดเชย และค่ารักษาพยาบาล
การซื้อ พ.ร.บ. กับประกันภัยประเภทสมัครใจ ไว้บริษัทเดียวกัน ทำให้ลดขั้นตอนการประสานงานระหว่างบริษัทฯ ซึ่งส่งผลให้ได้รับเงินชดเชย และค่ารักษาพยาบาลเร็วกว่าหลายเท่า และดีกว่าการซื้อแยกบริษัทฯ กันแน่นอน โดย ซี พี อินเตอร์ ขอแนะนำให้เลือกบริษัทที่มีความมั่นคง และบริการดี จะทำให้เราไม่ต้องยุ่งยากกับการเคลมสินไหม
นอกจากนี้ ยังมีข้อดีของการทำประกันภัยทั้ง 2 แบบ ควบคู่กันไป คือ ความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. จะคุ้มครองช่วยเหลือในกรณีที่มีการบาดเจ็บ และเสียชีวิต ซึ่งในบางครั้งวงเงินความคุ้มครองที่ได้รับจาก พ.ร.บ. นั้น อาจไม่เพียงพอ ในการเจรจาต่อรองกับคู่กรณี ในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิดและคู่กรณีของคุณได้รับบาดเจ็บต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล จะได้มีวงเงินจากภาคสมัครใจเข้ามาทำหน้าที่ในส่วนที่เกินให้
เมื่อรถยนต์เกิดเหตุ ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป ซี พี อินเตอร์ พร้อมให้คำปรึกษา และแนะนำสิ่งดีๆ ให้สำหรับคุณเสมอ ติดต่อได้เลย..
02-710-9129
@cpinterbroker
inbox.facebook/cpinterbroker